Monday, 6 February 2012

ผู้ใช้เฟซบุ๊ครวมหัวตั้งโพลสำรวจ 'unlike' คุณสมบัติไทม์ไลน์

image/facebook-timeline.jpg
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่หลงไหลชื่นชอบคุณสมบัติใหม่ 'ไทม์ไลน์' ของเฟซบุ๊ค คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เมื่อกว่าร้อยละ 70 ของผู้ใช้ที่ได้ทำผลสำรวจ เห็นพ้องต้องกันว่า ต้องการให้เอาคุณสมบัติดังกล่าวออก

โดยผลสำรวจของ SodaHead พบว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเวบไซต์ ไม่ชื่นชอบคุณสมบัติดังกล่าว และต้องการเห็นมันลงถังขยะ ในขณะที่ความเห็นที่เหลือ มี 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่พวกเขากดไลค์คุณสมบัติไทม์ไลน์ ในขณะที่ 10 เปอร์เซ็นต์ กล่าว พวกเขาไม่ได้ใช้งานเฟซบุ๊ค โดยคนส่วนใหญ่ที่อายุยังน้อย มักชอบที่จะเห็นความท้าทายและอะไรที่แปลกใหม่ มากกว่าผู้ใช้เฟซบุ๊คที่มีอายุหน่อย แต่ก็ไม่เสมอไป โดยร้อยละ 30 ของช่วงอายุ 18-24 ปี กล่าว พวกเขาชอบคุณสมบัติใหม่ 'ไทม์ไลน์' ในขณะที่มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ในช่วงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ที่ชื่นชอบคุณสมบัตินี้ ด้านเพศชายและหญิงมีความเท่ากันในความคิดเห็นเรื่องไทม์ไลน์ โดยพบว่า 77 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละเพศ แสดงความไม่พอใจในคุณสมบัตินี้ แต่ไทม์ไลน์นั้น ได้รับการยอมรับมากขึ้นนอกประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีเพียง 23 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สหรัฐฯที่แสดงความคิดเห็นในโพลสำรวจ กล่าวว่า พวกเขารู้สึกโอเคกับคุณสมบัติใหม่นี้ เทียบกับ 32 เปอร์เซ็นต์ในประเทศอื่นๆ อย่างเช่น อินเดีย และ บราซิล ที่ชื่นชอบไทม์ไลน์ โดยไทม์ไลน์เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งเนื้อหาและรูปแบบที่แตกต่างไปจากหน้าโปรไฟล์เดิมของเฟซบุ๊ค แทนที่จะแสดงการอัพเดตที่ผู้ใช้เพิ่งโพสต์ในรูปแบบคอลัมน์เดี่ยว ไทม์ไลน์จะแสดงโพสต์, ภาพถ่าย และข้อมูลอื่นๆ ในรูปแบบของสองคอลัมน์ และจะค่อยๆแสดงเนื้อหาย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนหน้า จนกระทั่งผู้คนสามารถมองเห็นเรื่องราวของเจ้าของโปรไฟล์ได้ทั้งหมด ซึ่งโพสต์ที่น่าอายหรือภาพถ่ายในอดีตที่ผู้ใช้หวังว่าจะเลือนหายไป จะสามารถถูกค้นพบได้ เมื่อเลื่อนสกอบาร์ลงมามากพอ จึงเป็นเหตุให้ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อย ไม่ชื่นชอบคุณสมบัตินี้ โดยไทม์ไลน์เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะเปิดใช้งานหรือไม่ก็ได้ แต่จะเริ่มมีการบังคับใช้สำหรับผู้ใช้งานทุกคน ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป

ศาลเยอรมัน สั่งบล็อกการขายอุปกรณ์แอปเปิ้ลบางตัวในประเทศ, พร้อมตัดสินให้โมโตฯ ชนะคดี iCloud

image/lawsuit.jpg
แอปเปิ้ลถึงกับเซ็งสองต่อ หลังจากที่คดีความการละเมิดสิทธิบัตรที่ถูกยื่นเรื่องฟ้องร้องจากโมโตโรล่าได้มีการตัดสินเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งแรกที่ Andreas Voss ผู้พิพากษาจากศาลเขตแมนไฮม์ในเยอรมันนี ได้ออกคำสั่งเป็นการถาวรกับ iCloud และอุปกรณ์ใดๆ ที่ถูกใช้ร่วมด้วย ว่ามีการละเมิดสิทธิบัตรฉบับเดิมที่โมโตโรล่าถือครองอยู่ อันเกี่ยวเนื่องกับการสื่อสารสองทางระหว่างวิทยุติดตามตัว

โดยคำสั่งห้ามดังกล่าวจะมีผลเฉพาะกับบางฟังก์ชั่น ตัวอย่างเช่น บริการพุชอีเมลล์ที่แอปเปิ้ลเปิดให้บริการผ่านทาง iCloud และ MobileMe ซึ่งถ้าโมโตโรล่าตัดสินใจบังคับใช้คำตัดสินดังกล่าว บริษัทจากคูเปอร์ติโนก็จำที่จะต้องยุติการให้บริการฟีเจอร์นี้แก่ผู้ใช้ในเยอรมัน หรือต้องเผชิญกับการห้ามขายในประเทศ แต่ในทางกลับกัน ผู้ใช้แอปเปิ้ลก็สามารถที่จะตรวจเช็คอีเมลล์ได้ด้วยตนเอง หรือตั้งค่าอุปกรณ์ให้ตรวจสอบตามระยะเวลาได้ ทั้งนี้ แอปเปิ้ลได้โต้แย้งว่า สิทธิบัตรฉบับดังกล่าวมีความไม่ถูกต้อง และคาดว่าจะอุทธรณ์ต่อคำวินิจฉัยของศาลต่อไป นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังได้ถูกสั่งให้มีการระงับการขายสินค้า iPad และ iPhone รุ่นเก่าจากออนไลน์สโตร์ในเยอรมันนี ตามคำตัดสินเมื่อเดือนธันวาคมหลังจากที่ศาลพิพากษาให้โมโตโรล่าชนะคดีความกับแอปเปิ้ลในเรื่องของเทคโนโลยี 3G ที่ซึ่งมีการขัดแย้งกับสิทธิบัตรของโมโตโรล่า โดยจะส่งผลให้ iPhone 3G, iPhone 3GS, iPhone 4 และ 3G iPads ถูกดึงออกจากหน้าร้านออนไลน์

Corning ผนึกกำลังกับ Samsung ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีจอกระจกสุดอึด 'Lotus Glass'

image/Lotus_Glass.jpg

บริษัทคอร์นิ่งเจ้าของเทคโนโลยีหน้าจอกระจกสุดแกร่ง Gorilla Glass ประกาศจับมือเป็นคู่หูคนใหม่กับ ซัมซุง จากแดนกิมจิ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหน้าจอกระจก 'Lotus Glass' ที่ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ OLED ของซัมซุงในอนาคต โดยเทคโนโลยี Lotus Glass จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับ Gorilla Glass ในปัจจุบัน แต่จะสามารถทนความร้อนได้สูงขึ้น และมีเสถียรภาพที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับเทคโนโลยี Lotus Glass นั้น ได้ถูกแนะนำตัวเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่ซึ่งได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำงานได้ดีเป็นพิเศษในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ ซึ่งอุณหภูมิดังกล่าวจะช่วยรักษาหน้าจอให้มีสภาพ และพื้นผิวคงเดิม ถ้าหากอยู่ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง และช่วยป้องกันความร้อน ก่อนที่จะทำให้หน้าจอเกิดความเสียหาย และนอกเหนือจากเรื่องของการทนความร้อนแล้ว เทคโนโลยี Lotus Glass ยังมีอัตราการกินไฟที่ต่ำ แต่ในการแถลงข่าวความร่วมมือดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยว่า จะมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกินไฟในน้อยลงได้ แต่อย่างไรก็ดี ซัมซุงมีแผนที่จะใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในไลน์ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์ไอทีตลอดจนถึงทีวีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ซัมซุงได้ยังได้อนุญาตให้ผู้ผลิตเกาหลีรายอื่นๆ เลือกใช้เทคโนโลยีเช่นเดียวกันนี้ด้วย

ช็อควงการ! ซีอีโอไมครอน จากไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก

image/Steve_Appleton.jpg
สตีฟ แอปเปิลตัน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ วัย 51 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกในเมืองบอยซี รัฐไอดาโฮ

โดยก่อนเกิดเหตุ แอปเปิลตัน ได้ทดลองขับเครื่องบินขึ้นจากสนามบินในรัฐไอดาโฮ ซึ่งหลังจากที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แอปเปิลตัน ก็ได้ติดต่อกลับลงมายังศูนย์บัญชาการด้านล่างว่า มีปัญหาเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ และหลังจากนั้นเครื่องบินก็สูญเสียการควบคุมและตกกระแทกพื้นจนทำให้เกิดไฟลุกท่วม โดยหลังจากเกิดเหตุ ต้นสังกัดได้ออกมาแสดงความเสียใจถึงเหตุการสูญเสียในครั้งนี้ว่า "ความมุ่งมั่นของสตีฟ และการเป็นพลังขับเคลื่อน(มือซ้าย)คนสำคัญ จะตราตรึงอยู่ในไมครอน ชุมชนไอดาโฮ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่นี้ไปอีกนานแสนนาน" โดยคณะกรรมการบอร์ด มีแผนที่จะนัดประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับทายาทที่จะมาสืบทอดตำแหน่งงานของแอปเปิลตันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งในระหว่างนี้ มาร์ค เดอร์แคน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ จะเข้ามาทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งซีอีโอแทนเป็นการชั่วคราว โดย เดอร์แคน ได้กล่าว "สตีฟเป็นเพื่อนแท้ที่ต้องมาจากเราไป ขอแสดงความไว้อาลัยต่อครอบครัวของเขาและทีมงานของเขาทุกคน ที่ต้องโศกเศร้ากับการสูญเสียที่น่าสลดใจในครั้งนี้" โดยแอปเปิลตันเข้าร่วมงานกับไมครอนตั้งแต่ปี 1983 โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการผลิต, ผู้อำนวยการผลิต, รองประธานฝ่ายการผลิต และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ก่อนที่จะขึ้นมาเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ ในปัจจุบัน ทางด้านชีวิตในการทำงาน แอปเปิลตันได้เริ่มอาชีพของเขาเมื่อเขาอายุได้ 22 ปี โดยทำงานกะกลางคืนในโรงงานด้วยความอุตสาหะ ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นซีอีโอของไมครอนเมื่อปี 1994 ในขณะที่เขามีอายุได้เพียง 34 ปี ซึ่งในอีกด้านหนึ่งของชีวิตเขา เขาเป็นนักบินที่รักการแสดงผาดโผน และชื่นชอบในกีฬาเทนนิสเป็นชีวิตจิตใจ

ทิม คุก ใจป้ำ บริจาคเงิน 100ล้านเหรียญสหรัฐฯ เข้าการกุศล


นอกจากจะทำงานเก่งแล้วยังมีจิตใจดีอีกด้วยสำหรับ ทิม คุก ซีอีโอคนล่าสุดของแอปเปิ้ล ที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะมอบเงินบริจาคมูลค่า 100ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับองค์กรการกุศล ตามรายงานของ The Verge

โดย คุก ได้ประกาศในระหว่างการประชุม Internal Town Hall เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในไตรมาสที่สี่ของแอปเปิ้ลว่า เขาจะร่วมบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศล 100ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 50ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการบริจาคให้โรงพยาบาลในเมืองสแตนฟอร์ด 25ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการสร้างตึกใหม่ และอีก 25ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการสร้างโรงพยาบาลสำหรับเด็ก และอีก 50ล้านเหรียญสหรัฐฯที่เหลือ จะบริจาคเข้ากองทุน Product RED ที่เป็นองค์กรการกุศลเพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อย่าง โรคเอดส์, วัณโรค และมาลาเรีย โดยก่อนหน้าที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอให้กับแอปเปิ้ล คุก มีความเห็นที่แตกต่างจาก สตีฟ จ็อบส์ ผู้บริหารคนก่อน ในหลายๆเรื่อง ซึ่งรวมถึงการบริจาคเงินเพื่อเข้าช่วยเหลือองค์กรการกุศล โดยนอกจากนี้ คุกได้เริ่มให้พนักงานของเขาได้รับส่วนลดขนาดใหญ่สำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ล และยังจัดให้ทั้งบริษัทมีโปรแกรมการกุศลในวงกว้างอีกด้วย

Saturday, 4 February 2012

โซนี่ อีริคสัน มอบความบันเทิงสุดพิเศษกับคอนเสิร์ตสุดแนว

โซนี่ อีริคสัน มอบความบันเทิงสุดพิเศษกับคอนเสิร์ตสุดแนว
ซนี่ อีริคสัน ร่วมกับ เวรี่ ไลฟ์ ทีวี (Very Live TV) จัดกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันรุ่นใดก็ได้ มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตของ 2 ศิลปินสุดแนวอย่าง 25 HOUR และ WhatChaRaWaLee  ติดตามรายละเอียดได้ที่www.facebook.com/sethailand  ตั้งแต่วันนี้ – 14 กุมภาพันธ์ 2555  โดยคอนเสิร์ตสุดแนวจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ เวลา.19.30 น. ณ. ไลฟ์มิวสิค อัพบีท แอท สกายดินนิ่ง แอนด์ มู๊ด (Live Music Up Beats @ Sky Dinning & Mood) ชั้น 6 สยามดิสคัฟเวอรี่ เซ็นเตอร์ 

เอส เอฟ กวาดหนังเข้าชิงออสการ์มาฉายให้ชมมากที่สุดตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 55

เอส เอฟ กวาดหนังเข้าชิงออสการ์มาฉายให้ชมมากที่สุดตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 55

โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ เดินหน้าที่คัดสรรและรวบรวมหนังดีมีคุณภาพมากำนัลให้ลูกค้าคอหนังได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด! เป็นโรงภาพยนตร์แห่งเดียวที่รวบรวมภาพยนตร์คุณภาพรางวัลระดับโลกที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 84 มาฉายให้ได้ชมกันอย่างจุใจมากที่สุดถึง 7 เรื่อง ได้แก่ 

ภาพยนตร์เรื่อง “Tinker Tailor Soldier Spy” ฝีมือการกำกับของ โทมัส  อัลเฟรดสัน ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัสออสการ์ 3 รางวัล เข้าฉายเมื่อวันที่ 5 มกราคม 55 

ภาพยนตร์เรื่อง “Moneyball”  ที่ได้ แบรด พิทท์  มาเป็นนักแสดงนำ และได้เสนอชื่อเช้าชิงรางวัลออสการ์ 6 รางวัล เข้าฉายเมื่อวันที่ 26 มกราคม 55

ภาพยนตร์เรื่อง “Warhorse” ผลงานการกำกับโดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก ซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 6 รางวัล เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “W.E.” หยุดโลกไว้ที่รักเธอ ผลงานของ มาดอนน่า นักร้องชื่อดัง ที่คว้ารางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำปี 69 มาครอง และยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขา Best Achievement in Costume Design กำหนดเข้าฉายวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “Descendants” ที่เพิ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีและรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม โดยจอร์จ คลูนี่ ในงานประกาศผลลูกโลกทองคำครั้งที่ 69 (2012 Golden Globe Awards) ผลงานล่าสุดของผู้กำกับ อเล็กซานเดอร์ เพนย์ และถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ 5 รางวัล กำหนดเข้าฉายวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “Hugo” ผลงานโดยมาร์ติน สกอร์เซซี่ ที่เพิ่งคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากที่สุดในงานถึง 11 รางวัล กำหนดเข้าฉายวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 55

ภาพยนตร์เรื่อง “The Artist”  หนังเงียบขาวดำจากประเทศฝรั่งเศส ที่สามารถคว้า 3 รางวัลลูกโลกทองคำคือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์เพลงและตลก ดารานำชายยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์เพลงและตลก และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม  และยังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 10 รางวัล  กำหนดเข้าฉายวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 55

ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง “Tinker Tailor Soldier Spy”, “Moneyball”, “Descendants” และ “The Artist” จัดเป็น SF Exclusive Movie ที่มีฉายเฉพาะที่โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ เท่านั้น ลูกค้าคอหนังคุณภาพสามารถติดตามพร้อมสอบถามข้อมูลรอบฉายภาพยนตร์ดีการันตีด้วยรางวัลทั้ง 7 เรื่องนี้ได้ที่www.sfcinemacity.com และ SF Call Center 02-268-8888 

ซีคอน โฮม ฉลองครบรอบ 50 ปี จัดบิ๊กแคมเปญขอบคุณลูกค้า แจกฟรี Honda Brio 5 คัน

ซีคอน โฮม ฉลองครบรอบ 50 ปี จัดบิ๊กแคมเปญขอบคุณลูกค้า แจกฟรี  Honda Brio 5 คัน
นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอน โฮม จำกัด และซีคอนกรุ๊ป จัดบิ๊กแคมเปญ เพื่อฉลอง 50 ปี ซีคอน โฮม บริษัทรับสร้างบ้านแบรนด์แรกของไทย ด้วยการจัดงานจับรางวัลมอบโชคแก่ลูกค้าที่เชื่อมั่นและไว้วางใจ ให้ซีคอน กรุ๊ป เป็นผู้ดูแลปลูกสร้างบ้านตลอดปี 2554 ที่มา โดยมีรางวัลใหญ่เป็นรถยนต์ Honda Brio 5 คัน 5 รางวัล และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยงานในครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้องนารายณ์บอลรูม โรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้

เทศกาลแห่งความรัก หวานยิ่งขึ้น ด้วยเมนูพิเศษจาก Patisserie Masatomi

เทศกาลแห่งความรัก หวานยิ่งขึ้น ด้วยเมนูพิเศษจาก Patisserie Masatomi

Patisserie Masatomi ร้านขนมหวานที่บรรจงสร้างสรรค์เมนูรสเลิศด้วยการผสมผสานวิธีการทำขนมแบบฉบับฝรั่งเศสกับแบบฉบับญี่ปุ่นที่มีความกลมกลืนกันอย่างลงตัวทั้งรสชาติและการนำเสนอ ขอเชิญสัมผัสความรัก และ ความโรแมนติค ในช่วงเทศกาลแห่งความรักตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์นี้ ด้วยขนามหวานที่ทางร้านสร้างสรรค์ออกมาอย่างหลากหลายทั้งหมด 4 เมนู เพื่อเป็นสื่อความหวานชื่นของคู่รัก โดยเมนูที่พิเศษสุด คือ มาการองรูปหัวใจ 3 สี 3 รสชาติ ทั้งสีชมพู สีแดง และ สีน้ำตาล สำหรับรสอิสปาฮาน ราสเบอร์รี่ และ ช็อคโกแลต ตามลำดับ นอกจากนี้ทางร้านยังนำเสนอ ช็อคโกแลต คัพ ซึ่งมีไวท์ มิลค์ และ ดาร์คช็อคโกแลต เติมเต็มด้วยมูสผลไม้สดที่หอมหวลกับช็อคโกแลต ซาเชอร์ สปอนช์ แล้วตกแต่งด้วยสตรอเบอรี่สด

สำหรับแฟนพันธ์แท้ขนมสไตล์ญึ่ปุ่น ไม่ควรพลาด ช็อคโกแลต มูส สตอร์เบอร์รี่ โมจิ เค้ก ที่หาทานได้ที่ร้าน Patisserie Masatomi เท่าน้น และ เมนูสุดท้ายที่ ที่จะช่วยเติมเต็มบรรยากาศความรักให้หวานยิ่งขึ้น คือ ลิ้นจี่ มูส เค้ก

 พบกับร้าน Patisserie Masatomi  สาขาใหญ่ได้ที่ชั้น 3 อาคารปอร์ติโก เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 

11.00– 20.00 น.

 สัมผัสประสบการณ์ขนม 2 สัญชาติ ได้แล้ววันนี้ ที่ Patisserie Masatomi และนอกจากความอร่อยที่บริการด้านหน้าร้านแล้ว แฟนพันธ์แท้ขนมหวานยังสามารถโทรสั่งความอร่อยได้อย่างใจ ที่เบอร์ 

02 652 1977 หรือ ติดตาม Patisserie Masatomi ได้จาก www.facebook.com/patisserie.masatomi

ลลิล จัดโปรโมชั่น “บ้านแห่งรัก 55” รับวาเลนไทน์

ลลิล จัดโปรโมชั่น “บ้านแห่งรัก 55” รับวาเลนไทน์

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญบ้านแห่งรัก 55 กว่า 30 โครงการคุณภาพ เพื่อมอบเป็นของขวัญพิเศษ และร่วมสนุกกับกิจกรรมปาร์ตี้บ้านแห่งรัก 55 ประเดิมที่แรกในโครงการคอนโดมิเนียม ลีโว (LEVO) ลาดพร้าว 18 วันที่ 4-5 ก.พ. ต่อด้วยโครงการในแบรนด์ “Lanceo” , “Lio” ในวันที่ 11-12 ก.พ. ส่วนโครงการ “ลลิล กรีนวิลล์” ,“บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค” , “บ้านบุรีรมย์” และ The Balcony Home จัดวันที่ 11 – 26 ก.พ. พร้อมเงื่อนไขพิเศษอีกมากมายที่พร้อมมอบให้ผู้ซื้อบ้านตั้งแต่วันนี้ถึง 29 ก.พ. 55

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ผู้อำนวยการ SBU 2 บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับแคมเปญ บ้านแห่งรัก 55 เป็นแคมเปญใหญ่ประจำปีของบริษัทฯ เพื่อมอบเป็นของขวัญพิเศษพร้อมคืนกำไรให้แก่ผู้ที่เลือกซื้อบ้านกว่า 30 โครงการของลลิล ในช่วงเทศกาลวันแห่งความรักตั้งแต่วันนี้ถึง 29 กุมภาพันธ์นี้ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ ในราคาสุดประทับใจ 

นอกจากนี้ทางบริษัทฯ  ได้จัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าผู้ซื้อบ้านทุกท่านได้ร่วมสนุกกับปาร์ตี้

”บ้านแห่งรัก 55”  โดยประเดิมที่แรกในวันที่ 4-5 ก.พ. โครงการคอนโดมิเนียม ลีโว (LEVO) ลาดพร้าว 18  คอนโดมิเนียมใหม่ ใกล้ MRT ลาดพร้าว จองในวันงานรับเพิ่ม Gift Voucher เซ็นทรัล ในราคาพิเศษ 1 ห้องนอน เริ่ม 1.8X ล้านบาท โอกาสเดียวกับข้อเสนอพิเศษและราคาที่ดีที่สุด 

 วันที่ 11-12 ก.พ.โครงการ Lanceo และ Lio ได้ร่วมกันจัดงานปาร์ตี้ “บ้านแห่งรัก 55” พร้อมกัน 11 โครงการ ได้แก่  Lanceo ทำเลอ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ,รามคำแหง-วงแหวนฯ (มิสทีน),วัชรพล – ทางด่วน (ทางลงสุขาภิบาล 5) ,วงแหวนฯ-รามอินทรา ,วงแหวนฯ-พระราม 5 (ส้มเกลี้ยง) ,วงแหวนฯ-ปิ่นเกล้า (พระราม 5) และเพชรเกษม 77 ในราคาเริ่มต้นที่ 2 ล้านกว่าๆ – 6 ล้านบาท และโครงการ Lio ทำเล

วงแหวนฯ-รามอินทรา,พหลโยธิน-วัชรพล ,วงแหวนฯ-ปิ่นเกล้า และ เพชรเกษม 77 ในราคาเริ่มต้นที่ 1.59 – 2.49 ล้านบาท  

นอกจากนี้ในส่วนของโครงการ “ลลิล กรีนวิลล์ ,บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค และบ้านบุรีรมย์”นั้น ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม โดยในวันที่ 11-12 ก.พ. พบกันที่โครงการ “ลลิล กรีนวิลล์ พระราม 9-อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ,ลลิล กรีนวิลล์ The Executive อ่อนนุช – วงแหวนฯ-

สุวรรณภูมิ ,บ้านลลิล The Young Executive อ่อนนุช –วงแหวนฯ-สุวรรณภูมิ และ บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค วงแหวนฯ – รัตนาธิเบศร์ 

วันที่ 18-19 ก.พ.โครงการ “บ้านบุรีรมย์ รามอินทรา-ซาฟารีเวิล์ด ,บ้านบุรีรมย์ รังสิต – คลอง 4 (ลำลูกกา) และบ้านบุรีรมย์ พระราม 2 – เอกชัย  สำหรับในวันที่ 25-26 ก.พ.พบกันที่โครงการ บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค พระราม-เอกชัย ,บ้านลลิล อินเดอะพาร์ค ศรีนครินทร์  - เทพารักษ์ ,บ้านบุรีรมย์ The Innovation สุวรรณภูมิ - เทพารักษ์และ The Balcony Home สวนหลวง ร.9 – เฉลิมพระเกียรติ 28

พลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นพิเศษสุดที่พร้อมมอบให้กับลูกค้าทุกท่าน ด้วยการคัดสรรโครงการพร้อมอยู่คุณภาพเยี่ยม และสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย  ตั้งแต่วันนี้ – 29 กุมภาพันธ์ 2555  สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-725-9999 หรือ www.lalinproperty.com

สินค้าอาหารไทยในตลาดจีน...ปี 2555 มีโอกาสแตะระดับ 2,100 ล้านดอลลาร์ฯหรือเพิ่มขึ้น 14.3

จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าอาหารที่น่าจับตามอง เนื่องจากโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารในจีนที่มีขนาดใหญ่ แม้ว่าในปัจจุบันจีนจะเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารอันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และแคนาดา แต่มีแนวโน้มว่าจีนมีความต้องการนำเข้าสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่สำหรับทำการเกษตรของจีนมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่จำนวนประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยในฐานะที่เป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารที่สำคัญของโลก น่าจะมีศักยภาพในการขยายการผลิตสินค้าอาหารเพื่อตอบสนองความต้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นของจีน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไทยได้เปรียบดุลการค้าสินค้าอาหารกับจีนมาโดยตลอด โดยในปี 2554 ไทยได้ดุลการค้าสินค้าอาหารกับจีนประมาณ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยจะมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2.5 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารทั้งหมดของจีน แต่จีนมีการนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราการขยายตัวในการส่งออกสินค้าอาหารของไทยไปยังตลาดจีนมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์สูงมาตั้งแต่ปี 2552 โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากพืช(ไม่รวมมันเม็ดและมันเส้น)ที่จีนมีความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น จากปัญหาสภาพอากาศที่แปรปรวนในจีนทำให้จีนมีปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ กอปรกับอานิสงส์ของกรอบการค้าเสรีอาเซียนจีนที่ส่งผลให้จีนลดภาษีนำเข้าสินค้าเหลือร้อยละ 0 และรายได้เฉลี่ยของคนจีนเริ่มปรับตัวสูงขึ้นทำให้ความต้องการบริโภคสินค้าอาหารนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นด้วย สำหรับในปี 2554 มูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1837.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.4 เมื่อเทียบกับปี 2553 และศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าผู้ส่งออกสินค้าอาหารของไทยยังมีโอกาสในการขยายสินค้าอาหารของจีนอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าในปี 2555 มูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารของจีนจากไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3

เมื่อพิจารณาแยกประเภทสินค้าอาหารที่จีนนำเข้าจากไทยพบว่าร้อยละ 74.1 เป็นผลิตภัณฑ์จากพืช(ไม่รวมผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เนื่องจากจีนนำเข้าเพื่อผลิตเอทานอลเป็นหลัก) รองลงมาร้อยละ 14.9 เป็นอาหารปรุงแต่ง และร้อยละ 7.4 เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากพืชที่จีนนำเข้าจากไทยแยกออกได้เป็น ผลไม้ร้อยละ 55.1 รองลงมาได้แก่ผลิตภัณฑ์จากธัญพืชร้อยละ 23.3 และธัญพืชร้อยละ 18.8 ที่เหลืออีกร้อยละ 2.8 เป็นเมล็ดพืชและผลไม้ ผัก กาแฟ ชา และเครื่องเทศ



โอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารในจีน ได้แก่ 

- ผลไม้ ไทยส่งออกผลไม้เมืองร้อนไปยังตลาดจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการเปิดการค้าเสรีอาเซียนจีน และสินค้าผลไม้เป็นหนึ่งในสินค้าที่อยู่ในข้อตกลงในการลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 ปัจจุบันรัฐบาลจีนอนุญาตให้นำเข้าสินค้าผลไม้เมืองร้อน 23 ชนิด โดยผลไม้เมืองร้อนจากไทยที่ชาวจีนรู้จักและเป็นที่นิยมบริโภค เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย กล้วยไข่ ชมพู่ทับทิมจันทน์ มะม่วงน้ำดอกไม้ เงาะโรงเรียน ส้มโอ มะขามหวาน มะพร้าวน้ำหอม ส้มเปลือกล่อน น้อยหน่า แก้วมังกร เป็นต้น ส่วนผลไม้แปรรูปจากไทยที่เป็นที่นิยมบริโภค คือ ลำไยอบแห้ง ทุเรียนอบกรอบ กล้วยอบกรอบ สับปะรดอบกรอบ และมะขามแกะเปลือก ตลาดค้าผลไม้ที่สำคัญในจีนได้แก่ มณฑลกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ เหอเป่ย ซานตง เจ้อเจียง และเหลียวหนิง จะเห็นได้ว่าตลาดหลักของผลไม้และผลไม้แปรรูปจากไทยยังจำกัดอยู่ทางฝั่งตะวันออกของจีน1 ซึ่งเป็นแหล่งที่ประชากรมีรายได้สูง เมื่อจีนดำเนินนโยบายมุ่งสู่ตะวันตก ทำให้ประชากรในแถบมณฑลยูนนาน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้และมีกำลังซื้อสินค้าหลากหลายชนิด ทำให้มีโอกาสในการที่จะส่งเสริมให้เกิดการขยายตลาดผลไม้ไทยไปยังจีนตอนใต้ฝั่งตะวันตก โดยใช้เส้นทาง R3E ผ่านทางแม่สายไปยังพม่าและจีนตอนใต้ และ เส้นทาง R3W ข้ามสะพานแม่น้ำโขงที่เชียงรายไปยังลาวและจีนตอนใต้ที่สร้างควบคู่กับเส้นทางเดิมตามลำน้ำโขง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเส้นทาง R3E และ R3W เป็นเส้นทางที่ผ่านประเทศที่สามทั้งพม่าและลาว มีระบบการเมือง การค้า ธรรมเนียมปฏิบัติและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ตลอดจนยังมีกฎระเบียบที่ยังไม่เอื้อในการเคลื่อนย้ายผลไม้จากไทยไปจีน ซึ่งในประเด็นนี้อาจต้องรอการเจรจาโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS)เพื่อเร่งรัดความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อต้นปี 2554 ได้มีการประชุมกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการอำนวยความสะดวกข้ามพรมแดนเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น 

- ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช ผลิตภัณฑ์ธัญพืชที่ไทยส่งออกไปยังจีนที่สำคัญคือ แป้งมันสำปะหลัง และแป้งมันสำปะหลังแปรรูป โดยชาวจีนส่วนใหญ่นิยมใช้แป้งมันสำปะหลังสำหรับทำวุ้นเส้น  โดยมีความต้องการมากกว่า 1.5 ล้านตัน/ปี  ในระยะผ่านมาจีนสามารถผลิตแป้งมันสำปะหลังได้เพียง 8 แสนกว่าตัน ทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่า 8  แสนตัน/ปี  ส่วนใหญ่นำเข้าจากไทยและเวียดนาม  ทั้งนี้ คาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นโอกาสของไทยในการขยายการส่งออกสินค้าแป้งมันสำปะหลังไปยังตลาดจีน เนื่องจากการที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลจีนปรับนโยบายหันไปส่งเสริมการปลูกอ้อยเพื่อผลิตน้ำตาล ส่งผลให้เนื้อที่ปลูกมันสำปะหลังของจีนมีแนวโน้มลดลง ทำให้จีนต้องพึ่งพิงการนำเข้าผลิตภัณฑ์สำปะหลังเพิ่มมากขึ้น

ในส่วนของอุตสาหกรรมแป้งแปรรูปของจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่จีนใช้แป้งมันสำปะหลังแปรรูปในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตกระดาษ  การปั่นทอ  การทำอาหาร  อาหารสัตว์ และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ปัจจุบันจีนมีการผลิตแป้งแปรรูปปริมาณ 1.35 ล้านตัน แต่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ จีนยังต้องนำเข้าแป้งแปรรูปประเภทต่างๆประมาณ 2 แสนกว่าตัน/ปี  อย่างไรก็ดี แป้งแปรรูปที่ผลิตจากมันสำปะหลังต้นทุนต่ำและคุณภาพดี  เป็นสินค้าที่ยังมีความต้องการในตลาดจีน อย่างไรก็ตาม คู่แข่งสำคัญในการส่งออกแป้งมันสำปะหลังแปรรูปไปยังตลาดจีน คือ เวียดนาม และอินโดนีเซีย

- ธัญพืช ในบรรดาธัญพืชที่ไทยส่งออกไปยังจีน ข้าวเป็นสินค้าที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งข้าวเป็นอาหารหลักของชาวจีน โดยประมาณร้อยละ 60 ของประชากรจีนบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก ทำให้จีนเป็นตลาดข้าวขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งไทยและประเทศผู้ส่งออกข้าวอื่นๆ ต่างพยายามหาทางส่งออกข้าวไปยังจีน อย่างไรก็ตาม จีนเองก็สามารถผลิตข้าวได้เริ่มที่จะเพียงพอมากขึ้นกับความต้องการภายในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าข้าวค่อยๆ ลดลง ข้าวที่ผลิตได้ในประเทศจีนเองส่วนใหญ่เดิมเป็นข้าวคุณภาพต่ำ แต่ในปัจจุบันรัฐบาลจีนมีการผลักดันให้ชาวนาปลูกข้าวคุณภาพสูงมากขึ้น เนื่องจากจีนมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้ชาวจีนมีรายได้สูงขึ้น จึงต้องการบริโภคข้าวคุณภาพสูงมากขึ้น โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิของไทยที่ชาวจีนมองว่าเป็นข้าวที่มีคุณภาพสูง อย่างไรก็ตาม การบริโภคข้าวหอมมะลิปัจจุบันก็ยังจำกัดอยู่ในภัตตาคารขนาดใหญ่หรือโรงแรม และกลุ่มคนรายได้สูงเท่านั้น ทำให้โอกาสของไทยในการขยายตลาดข้าวหอมมะลิในจีนยังคงมีอยู่สูงมาก

รสนิยมของคนจีนในการบริโภคข้าวค่อนข้างมีความหลากหลาย โดยถ้าเป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ตอนเหนือของแม่น้ำแยงซีนิยมบริโภคข้าวเมล็ดสั้น ขณะที่ประชาชนซึ่งอยู่ใต้ลุ่มแม่น้ำแยงซีนิยมบริโภคข้าวเมล็ดยาวโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิของไทย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันข้าวเมล็ดสั้นคุณภาพดีได้เข้ามาแข่งขันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้งที่มีข้าวจากกมณฑลเฮยหลงเจียงเข้ามาเริ่มเบียดแย่งสัดส่วนตลาดของข้าวไทยไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้ให้การส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์ข้าว ซึ่งได้ระบุไว้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการพัฒนาภาคการเกษตรโดยรวม และยังมีการส่งเสริมการพัฒนาการวิจัยพันธุ์ข้าว รวมทั้งการพัฒนาการตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) ที่มีส่วนในการส่งเสริมพัฒนาการด้านการเกษตรของประเทศเป็นอย่างมากอีกด้วย ทำให้ผลผลิตข้าวของจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้บริโภคจีนมีทางเลือกมากขึ้นในการบริโภคข้าว รวมถึงชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูงเกิดใหม่มากขึ้น และต้องการสินค้าคุณภาพสูง ดังนั้น ผู้ผลิตข้าวไทยต้องกำหนดมาตรฐานคุณภาพข้าว เพื่อการเข้าถึงและขยายตลาดใหม่ๆ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการรักษาตลาดเก่าด้วยเพราะผู้ซื้อจะมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น แต่ต้องการให้ไทยรักษามาตรฐานข้าวให้ได้ตามที่กำหนดไว้ เพื่อผู้บริโภคจะได้เห็นความแตกต่างระหว่างข้าวไทยและข้าวของคู่แข่ง เช่น เวียดนาม หรือ พม่า 

 ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ นอกจากผลไม้ ผลิตภัณฑ์ธัญพืช และธัญพืชแล้ว สินค้าอาหารส่งออกของไทยไปยังตลาดจีนที่มีโอกาสขยายตัวในอนาคต คือ อาหารปรุงแต่ง(ปลากระป๋อง น้ำตาล ผลไม้กระป๋อง) และผลิตภัณฑ์กุ้ง(โดยเฉพาะกุ้งแปรรูป) ซึ่งสินค้าเหล่านี้ไทยมีศักยภาพในการผลิต ในขณะที่ความต้องการนำเข้าของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากหลากปัจจัยหนุน คือ จำนวนประชากรของจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่เนื้อที่สำหรับทำการเกษตรของจีนมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้จีนมีแนวโน้มต้องพึ่งพาสินค้าอาหารนำเข้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ พฤติกรรมการบริโภคอาหารของชาวจีนเริ่มมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลง จากรายได้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ชาวจีนหันมาบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นและบริโภคอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารปรุงแต่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สัดส่วนของจำนวนประชากรเมืองเริ่มแซงหน้าจำนวนประชากรในชนบท ซึ่งสำนักสถิติแห่งชาติจีนรายงานในเดือนมกราคม 2555 ว่านับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จำนวนประชากรเมืองของจีนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 51.3 เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด และคาดหมายว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าประชากรเมืองของจีนจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 75 ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้ส่งผลให้จีนมีแนวโน้มจะต้องนำเข้าสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีโอกาสสำหรับสินค้าอาหารสำเร็จรูปมากขึ้นด้วย

โดยสรุป จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าอาหารที่ผู้ส่งออกไทยต้องจับตามอง แม้ว่าในปัจจุบันมีสินค้าอาหารของจีนเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น แต่ไทยก็ยังได้ดุลการค้าสินค้าอาหารกับจีนมาโดยตลอด และไทยยังมีโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารในจีนได้อีกมาก  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าในปี 2555 มูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารของจีนจากไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 ซึ่งสินค้าอาหารกลุ่มที่ยังเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนการส่งออก ยังคงเป็นผลไม้เมืองร้อน แป้งมันสำปะหลัง และข้าว กล่าวคือ สินค้าประเภทผลไม้เมืองร้อน ยังจะได้อานิสงส์จากการขยายความเจริญไปยังดินแดนแถบตะวันตกของจีนและการพัฒนาเส้นทางการขนส่งสินค้าที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายการส่งออกผลไม้ของไทยไปยังตลาดจีน สินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ธัญพืช โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังแปรรูป ที่จีนยังผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ ในขณะที่ไทยมีศักยภาพในการขยายตลาดส่งออก ส่วนสินค้าธัญพืชที่ไทยยังสามารถขยายตลาดส่งออกไปยังจีนได้คือ ข้าว โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ซึ่งยังเป็นที่ต้องการของตลาดจีน โดยเฉพาะตลาดระดับภัตตาคารขนาดใหญ่หรือโรงแรม และกลุ่มคนรายได้สูง แต่ต้องเร่งแก้ปัญหาในเรื่องการปลอมปน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ผู้ส่งออกสินค้าอาหารของไทยต้องคำนึงถึงคือ แนวโน้มการแข่งขันในสินค้าอาหารที่เป็นสินค้าตัวหลักที่ไทยส่งออกไปจีนเริ่มเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง จากประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งเกษตรกรของจีนเองก็มีการพัฒนาทั้งในด้านปริมาณการผลิตและคุณภาพของผลผลิต ดังนั้น หากผู้ส่งออกสินค้าอาหารของไทยต้องการจะรักษาตลาดจีนเอาไว้และเจาะขยายตลาดเพิ่มเติมจะต้องพยายามชี้ให้ผู้บริโภคหรือโรงงานที่ผลิตสินค้าในจีนเห็นข้อแตกต่างระหว่างสินค้าอาหารจากไทยและคู่แข่ง 

สำหรับสินค้าอาหารส่งออกของไทยที่มีศักยภาพในการขยายตลาดในจีนเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารของจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของประชากร ในขณะที่พื้นที่ทำการเกษตรมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากระดับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นและสัดส่วนประชากรเมืองที่เพิ่มขึ้น  ดังนั้น สินค้าอาหารที่น่าจับตามอง คือ อาหารปรุงแต่ง(ปลากระป๋อง น้ำตาล ผลไม้กระป๋อง) ผลิตภัณฑ์กุ้ง(โดยเฉพาะกุ้งแปรรูป) เครื่องปรุงรสอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ซึ่งไทยมีศักยภาพในการขยายการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังตลาดจีน และสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกสินค้าอาหารที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในการเจาะขยายตลาดอาหารในจีน คงต้องมีการเตรียมความพร้อมในการศึกษาวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในจีนที่แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและหาช่องทางในการจัดจำหน่ายเพื่อการกระจายสินค้าอาหารให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างทั่วถึงด้วย

“โฮมโปร” Super Shock Sale ทุ่มทุนลดครั้งใหญ่ ลดสูงสุด 70%

“โฮมโปร” Super Shock Sale ทุ่มทุนลดครั้งใหญ่  ลดสูงสุด 70%

“โฮมโปร” ทุ่มทุน 30 ล้านบาท ลดราคาครั้งใหญ่ จัดแคมเปญ “HomePro Super Shock Sale” ลดสูงสุด 70% หวังขออาสาคืนความสุขให้ทุกบ้าน ตั้งแต่วันที่ 2 - 26 ก.พ. 55 พร้อมผนึกกำลังบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ช้อปครบ รับเงินคืนสูงสุด 25,000 บาท และรับทองคำหนัก 1 บาทฟรี

นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร กล่าวว่า เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้บริโภค ที่กำลังเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบจากวิกฤติการณ์น้ำท่วม ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับฤดูฝนที่จะมาถึงเร็วขึ้น บริษัทฯ จึงใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท จัดรายการ “โฮมโปร ซูเปอร์ ช็อค เซลส์” ขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 26 กุมภาพันธ์ 2555 ณ โฮมโปร และโฮมโปร พลัส ทุกสาขา

โดยแคมเปญดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรผู้ร่วมค้าในการมอบส่วนลดราคาสินค้าสูงสุด 70% ในการมอบเงื่อนไขสุดคุ้มแก่ลูกค้า โดยเริ่มจากแคมเปญช้อปครบรับฟรีจากโฮมโปรเมื่อซื้อสินค้าครบ 30,000 บาท รับฟรีบัตรกำนัลโฮมโปร มูลค่า 600 บาท, ครบ 60,000 บาท รับฟรีบัตรกำนัลโฮมโปร มูลค่า 2,000 บาท, ครบ 100,000 บาท รับฟรีบัตรกำนัลโฮมโปร มูลค่า 5,000 บาท, ครบ 300,000 บาท รับบัตรของขวัญโฮมโปร 18,000 บาท และช้อปครบ 450,000 บาท รับทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า  25,400 บาท ฟรีทันที

นอกจากนี้ โฮมโปร ยังได้ผนึกกำลังกับบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ในการมอบเงื่อนไขสุดคุ้มแก่ลูกค้า ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ทั้งรายการปกติ และผ่อนชำระภายในวันและสาขาเดียวกัน รับความคุ้มค่าถึง 2 ต่อ ต่อที่ 1 ซื้อสินค้าครบทุก 30,000 บาท รับเงินคืน 500 บาท ครบทุก 60,000 บาท รับเงินคืน 1,200 บาท ครบทุก 100,000 บาท + ใช้คะแนนสะสม 77,000 คะแนน รับเงินคืน 10,000 บาท  และครบ 300,000 บาท + ใช้คะแนนสะสม 150,000 คะแนน รับเงินคืน 25,000 บาท 

และต่อที่ 2 สามารถนำคะแนน BBL Reward Point 800 คะแนน = 100 บาท มาใช้ในการแลกซื้อสินค้า และยังผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ 0% นาน 4 เดือน ทุกชิ้น ทั้งร้าน เมื่อซื้อบัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 4,000 บาทขึ้นไป ผ่านระบบแบ่งจ่ายรายเดือน

นายณัฏฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แคมเปญนี้ น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่ลูกค้าสำหรับการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลดได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการเตรียมตัวรับฤดูฝนที่จะมาเร็วขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า ยังจะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 3% ทุกชิ้นทุกแผนก และนอกจากนี้ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า, บัตรเครดิต กรุงศรี เอ็กซ์ คาร์ด และบัตรเครดิตแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉพาะชำระแบบเต็มจำนวน รับเงินคืนทันที สูงสุด 20,000 บาท อีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายในช่วงการจัดแคมเปญดังกล่าวกว่า 2,000 ล้านบาท

คอฟฟี่ เวิลด์ เชิญแฟนคลับเฟสบุ๊ค ร่วมกิจกรรม........“ทรีตส์ ฟอร์ ยัวร์ สวีต”

คอฟฟี่ เวิลด์  เชิญแฟนคลับเฟสบุ๊ค ร่วมกิจกรรม........“ทรีตส์ ฟอร์ ยัวร์ สวีต”
“คอฟฟี่ เวิลด์” ธุรกิจแฟรนไชส์ แบรนด์กาแฟระดับพรีเมี่ยมจาก “จีเอฟเอ” ที่คนรุ่นใหม่ติดใจในรสชาติความอร่อย จัดกิจกรรมต้อนรับเทศกาลแห่งความรักผ่านโซเชี่ยลมีเดีย เอาใจคอกาแฟยุคดิจิตอล เชิญชวนแฟนคลับ facebook [เฟสบุ๊ค] ร่วมกิจกรรม “ทรีตส์ ฟอร์ ยัวร์ สวีต” (Treats for your sweet!)  สื่อรักออนไลน์ยุคดิจิตอล เพียงคลิก Like เป็นเพื่อนกับ Coffee World<Thailand> เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของคุณ พร้อมร่วมสนุกกับการตอบคำถามเกี่ยวกับนิยามของ “ความรัก”....ลุ้นรับบัตรชมภาพยนตร์กับคนรู้ใจฟรี แจกทุกวันๆละ 2 ที่นั่ง  นอกจากนี้ ยังมีกิ๊ฟท์ วอยเชอร์อีกมูลค่า 500 บาท  สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2555 

TAT's "Thailand At 5CM." photography campaign

TAT's "Thailand At 5CM." photography campaign

Bangkok, January 19, 2012—Following the success of Hearing the Sunshine photography activity in 2011, the Tourism Authority of Thailand (TAT) has recently launched the latest marketing communication campaign “Thailand at 5CM.” through social media channels to energize the tourism industry in Thailand. The campaign amazingly receives extensive international engagements within only few weeks.

The Tourism Authority of Thailand begins the year of dragon with a brand new marketing communication campaign, “Thailand At 5CM.,” designed to create buzzes among social media centric travelers and encourage them to explore Thailand in a new perspective. Featuring on TAT's Discover Thailand Page on Facebook (www.facebook.com/discoverthailand), the campaign urges travelers to capture their wonderful moments in Thailand from a new ant’s-eye-view angle at 5 centimeters above the ground, and share them to millions of social media users in the cyber world. A photo taking gesture at 5 centimeters above the ground naturally allows visitors to explore Thailand in newer outlooks they, despite being frequent visitors, might not have considered before.

All participants of the campaign will receive souvenirs delivered by post to their addresses while weekly winners, judged from users' votes, will win hotel vouchers from the InterContinental Hotels Group. Moreover, the final week in February will see the grand prizes, which are five inbound travel packages featuring roundtrip tickets from Bangkok Airways and hotel rooms from InterContinental Hotels Group. Votes are collected every Wednesday and winners' names are announced every Saturday.

Since the launch in November, “Thailand At 5CM.” campaign has reached more than 1.45 million social media users from around the world who have been sharing a large number of pictures through our Discover Thailand Facebook Page. The popularity of the campaign is also assessed by a significant increase of Discover Thailand Page fans for more than 4 times, no. of fan increase to 433% (as of mid January) within only two months.

All travelers, social media users, members of press, and fans of Thai travels are entitled to participate in the campaign by submitting photos taken under the aforementioned condition to win souvenirs and enticing prizes until February 18, 2012.

For more information, please contact: 
International Advertising Division 
Tourism Authority of Thailand 
Tel: +66 (0) 2250 5500 ext.1525-27 
Fax: +66 (0) 2253 7419 
E-mail: sirima.yuv@tat.or.th 
Web site: www.tourismthailand.org

บัตรเครดิตกสิกรไทย มอบสิทธิพิเศษ อิ่ม 1 ฟรี 1 รับเมนูพิเศษฟรีจาก 7 ร้านอาหารชื่อดัง

บัตรเครดิตกสิกรไทย มอบสิทธิพิเศษ อิ่ม 1 ฟรี 1 รับเมนูพิเศษฟรีจาก 7 ร้านอาหารชื่อดัง
บัตรเครดิตกสิกรไทย นำโดย นายกำพล  สุทธิพิเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ชวนคนไทยมาอิ่มอร่อยกับเมนูพิเศษจาก 7 ร้านอาหารชื่อดัง ได้ทุกวัน กับโปรโมชั่นพิเศษอิ่ม 1 ฟรี 1 เฉพาะผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทยรับฟรีเมนูพิเศษจาก 7 ร้านอาหารชื่อดัง ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น ได้แก่ ร้านอาหาร ออน เดอะ เทเบิล โตเกียวคาเฟ่, ร้านอาหารอากะ, ร้านอาหารญี่ปุ่นเซน, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ, ร้านสีฟ้า, ร้านฮั่วเซ่งฮง และ ร้านบาร์บีคิวพลาซ่าที่มีอยู่กว่า 300 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2555 

ทรูไลฟ์ เปิดโครงการ “Music Icon”

ทรูไลฟ์ เปิดโครงการ “Music Icon”
นางสาวกิรณา ชีวชื่น ผู้จัดการทั่วไป สายงานโมบายคอนเทนต์ บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์ แอนด์ มีเดีย จำกัด เป็นประธานแถลงข่าวเปิดโครงการ “Music Icon” เปิดโอกาสให้คนที่ชื่นชอบการร้อง หรือเล่นดนตรีส่งคลิปวิดีโอมาอัปโหลดมาประกวดโชว์ความสามารถ เพื่อลุ้นคะแนนสูงสุดจากการกด like แชร์ และโหวต ขึ้นคอนเสิร์ตร่วมกับศิลปินชื่อดัง พร้อมของรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท โดยมี เปปเปอร์ วง MuchMore , แหลม- วง25hours และวงน้องใหม่ที่ดังมาจาก โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค The 38 years ago ร่วมงานแถลงข่าว เมื่อเร็วๆ นี้

Friday, 3 February 2012

วัตสันเสนอผลิตภัณฑ์คู่ใจสาว ให้สวยพร้อมก่อนเดทวาเลนไทน์

วัตสันเสนอผลิตภัณฑ์คู่ใจสาว ให้สวยพร้อมก่อนเดทวาเลนไทน์

ใกล้จะช่วงวาเลนไทน์แล้ว วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงาม ยอดขายอันดับหนึ่งในประเทศไทย 7 ปีซ้อน ขอแนะนำผลิตภัณฑ์คู่ใจสาวๆ เพื่อเตรียมตัวให้สวยเริ่ดพร้อมรับวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนี้ ด้วยการดูแล 5 จุดสำคัญของร่างกายที่ต้องการความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งก็คือผิวพรรณ เส้นผม ริมฝีปาก ใบหน้า และดวงตา เพราะล้วนแต่เป็นตัวบ่งบอกถึงเสน่ห์ของวัยสาว และสร้างความประทับใจแรกพบได้ไม่ยาก ผลิตภัณฑ์ที่ร้านวัตสันแนะนำให้สาวๆ มีพกติดตัวไว้ก็คือ

1.ฟลอรัล เทมเทชั่น วานิลลา บลอสซั่ม บอดี้ โลชั่น (Vanilla Blossom Body Lotion ขนาด 250 มล. ราคา 160 บาท) – เนื้อโลชั่นซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และให้ความชุ่มชื้น ด้วยคุณค่าจากวิตามิน C และ E พร้อมสารสกัดจากว่านหางจระเข้ 

2.เพียว บิวตี้ ทรีทเมนต์ เอสเซ้นส์ วอเตอร์ (Pure Beauty Treatment Essence Water ขนาด 200 มล. ราคา 180 บาท) – สเปรย์น้ำเพื่อการแทรกซึมเข้าสู่เส้นผมที่พันกันและชี้ฟู สูตรที่ไม่ต้องล้างออก สามารถใช้ในขณะที่ผมเปียกหรือแห้งก็ได้ เพื่อให้ผมเรียบสลวยได้ในพริบตา

3.เกรพเบลล่า ลิป ทรีทเมนต์ ลิป บาล์ม (GrapeBella Lip Treatment Lip Balm ราคา 80 บาท) – คุณค่าของ โจโจ้บา ออยล์ และวิตามินอี จะช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่น เรียบเนียน ไม่แตกแห้งเป็นขุย สามารถใช้เป็นรองพื้นก่อนการทาลิปสติกสีเพื่อให้ริมฝีปากแลดูมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ

4.เพียว บิวตี้ จีโอ อควา อัลตร้า ไฮเดรทติ้ง เซรั่ม (Pure Beauty GeoAqua Ultra Hydrating Serum ขนาด 30 มล. ราคา 550 บาท) –เน้นให้การฟื้นบำรุงสภาพผิวเสียสะสมเป็นพิเศษ ด้วยพลังคุณค่าจากแหล่งน้ำออนเซ็น สารไฮโดรมานีล รวมทั้งสารสกัดจากพืชนานาชนิด ช่วยปกป้องผิวพรรณได้อย่างยาวนาน สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

5.เพียว บิวตี้ โพเมอกราเนท อาย มาส์ก (Pure Beauty Pomegranate Eye Mask ราคา 89 บาท) มาส์กสำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะจากเกาหลี อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากทับทิมสกัด ช่วยบำรุงผิวรอบดวงตา และลดเลือนริ้วรอย

ผลิตภัณฑ์มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศ

WD รับรางวัล HWM Excellent Brand Survey Awards 2011

WD รับรางวัล HWM Excellent Brand Survey Awards 2011

ในภาพ: ฯพณฯ ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีในการฉลองครบรอบ 8 ปีนิตยสาร ฮาร์ดแวร์ แมกกาซีน ประเทศไทย จัดเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา และเป็นผู้มอบรางวัล “HWM Excellent Brand Survey Awards 2011” ให้กับตัวแทนจาก WD 

เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ป (WD) หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีชื่อเสียงระดับโลก  ประกาศว่า ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดไดร์ฟแบบติดตั้งภายใน [Internal Hard Drive] และผลิตภัณฑ์เครื่องเล่นสื่อ [ Media Player] ของบริษัทได้รับรางวัล HWM Excellent Brand Survey Awards 2011 โดยนิตยสารฮาร์ดแวร์ แมกกาซีน หรือ HWM จากผลการสำรวจแบรนด์ยอดนิยมของ HWM 

ทั้งนี้ รางวัล HWM Brand Survey Awards เป็นหนึ่งในรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดในประเทศไทยที่มอบให้กับแบรนด์ที่ป็อปปูล่าที่สุดในกลุ่มสินค้าประเภทต่างๆ  โดยข้อมูลได้รับจากการสัมภาษณ์ผู้บริโภคทั่ว ไป

เอสซีจี จับมือ เวิร์คพอยท์ฯา สร้างวาไรตี้เกมโชว์ “บ้านเจ้าปัญญา”

เอสซีจี จับมือ เวิร์คพอยท์ฯา สร้างวาไรตี้เกมโชว์ “บ้านเจ้าปัญญา”

เอสซีจี จับมือ เวิร์คพอยท์ฯ สร้างสรรค์วาไรตี้เกมโชว์รายการใหม่ “บ้านเจ้าปัญญา” ชิงบ้าน SCG HEIM มูลค่ารวม 20 ล้านบาท เน้นให้ความรู้เรื่องบ้าน นำเสนอนวัตกรรมที่อยู่อาศัย เอาใจเจ้าของบ้าน ผ่านเกมการแข่งขันที่สนุกสนาน พร้อมสร้างแบรนด์เอสซีจี ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัยครบวงจร

อนุวัตร เฉลิมไชย Brand Director เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์รายการว่า ปัจจุบันเจ้าของบ้านมีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและบริการด้านที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป โดยไม่เพียงให้ความสำคัญกับคุณภาพเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมรุนแรงและต่อเนื่อง เจ้าของบ้านจำเป็นต้องฟื้นฟูที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย และยังเกิดกระแสความตระหนักถึงแนวคิดที่อยู่อาศัยที่สามารถรองรับภัยพิบัติในอนาคตได้ เอสซีจี ผู้นำด้านนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัย จึงร่วมมือกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จํากัด (มหาชน) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงชื่อดัง นำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องบ้านและวัสดุก่อสร้างของเอสซีจี ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ของเวิร์คพอยท์ ผลิตรายการ “บ้านเจ้าปัญญา” เน้นให้ความรู้เรื่องบ้าน และนำเสนอนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัย ผ่านรูปแบบเกมการแข่งขันที่สนุกสนาน เพื่อตอบโจทย์เจ้าของบ้านยุคใหม่ ที่มองหาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเอสซีจีและเวิร์คพอยท์ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การวางรูปแบบ แนวคิด ตลอดจนเนื้อหาของรายการ เพื่อให้ผู้ชมสามารถรับรู้เนื้อหาสาระได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

รายการ “บ้านเจ้าปัญญา” มีรูปแบบเป็นวาไรตี้เกมโชว์ ที่มีแนวคิดทำให้เรื่องบ้านเป็นเรื่องสนุก ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลาห้าโมงเย็น ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 โดยมีพิธีกรมากความสามารถ ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นผู้ดำเนินรายการ นำเสนอความรู้เรื่องบ้านผ่านการแข่งขันที่สนุกสนาน นอกจากนี้ ยังมีสถาปนิกมากประสบการณ์ ที่จะมาเสริมเทคนิคความรู้ด้านการสร้างและตกแต่งบ้านในแต่ละสัปดาห์อีกด้วย พร้อมดารานักแสดงที่จับคู่มาสร้างความสนุกสนานให้กับรายการ ไม่ว่าจะเป็นคู่พี่น้อง สามีภรรยา พ่อลูก ฯลฯ โดยผู้เข้าแข่งขันคู่ชนะเลิศมีสิทธิชิงรางวัล บ้าน SCG HEIM มูลค่า 10 ล้านบาท จำนวน 2 รางวัล

“นอกจากความตั้งใจที่จะนำเสนอความรู้เรื่องบ้านแล้ว รายการบ้านเจ้าปัญญายังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของเอสซีจี ที่ช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร พร้อมเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยนำเสนอสินค้าและระบบต่างๆ ของแบรนด์เอสซีจี ไม่ว่าจะเป็นตราช้าง คอตโต้ หรือซีแพค ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเจ้าของบ้านที่สร้างบ้านใหม่และปรับปรุงบ้านเดิม รวมถึงผู้ที่สนใจทั่วไป โดยการสร้างแบรนด์ผ่านรายการบ้านเจ้าปัญญาครั้งนี้ ไม่เพียงจะสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์เท่านั้น แต่ผู้ชมยังสามารถรับรู้เนื้อหาสาระได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้สึกใกล้ชิด และผูกพันกับเอสซีจีมากยิ่งขึ้น” อนุวัตรกล่าว

เอสซีจี ผู้นำนวัตกรรมด้านวัสดุก่อสร้าง มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน แต่ยังคำนึงถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ รวมทั้งผลกระทบต่อผู้คนรอบข้าง สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งในวันนี้และวันหน้า เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลและยั่งยืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เทอร์มินอล 21 เนรมิตสวนกุหลาบแห่งโรม ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก

เทอร์มินอล 21 เนรมิตสวนกุหลาบแห่งโรม ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก

ทอร์มินอล 21 เนรมิตสวนกุหลาบแห่งโรม ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก

วันที่ 7-14 กุมภาพันธ์ 2555

ณ ชั้น G - โซน Rome เทอร์มินอล 21 (แยกอโศก) 

“เทอร์มินอล 21”ช้อปปิ้งมอลล์แห่งแรกของไทยที่ยกบรรยากาศแฟชั่นสตรีทชื่อดังจากทั่วโลกมาไว้ในที่เดียว เนรมิตบรรยากาศของสวนกุหลาบแห่งโรม ด้วยกุหลาบนับพันดอก เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความรักพร้อมเติมความหวานในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ ด้วยการ กอดกับเคน ภูภูมิ ดาราหนุ่มที่กำลังฮอตสุดๆ ที่จะมาขายกอด ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เพื่อนำรายได้มอบให้กับมูลนิธิเด็กโรคหัวใจในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นอกจากนี้ ยังจะได้พบกับคอนเสิร์ตเพลงรักฟังสบาย Valentine’s Concert กับ ริท เดอะสตาร์ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 

แฟชั่นไอส์แลนด์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความรักด้วย Valentine Festival

แฟชั่นไอส์แลนด์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความรักด้วย Valentine Festival
ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เนรมิตดินแดนแห่งความรัก จัดงาน Valentine Festival ระหว่างวันที่ 3 – 14 กุมภาพันธ์ 2555 บริเวณลานกิจกรรม หน้า Food Island ชั้น 3 ฉลองเทศกาลแห่งความสุขให้ทุกคู่รักและครอบครัวได้สัมผัสบรรยากาศโรแมนติก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Love is all around” ที่อบอวลไปด้วยสีสันและกิจกรรมเติมเต็มความรักให้สดชื่น โดยกิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ การเปิดเวทีให้ร่วมดื่มด่ำอารมณ์ซึ้งไปกับเสียงเพลงเพราะๆ จากศิลปินดัง นท และ จูเนียร์ The Star วันที่ 14 ก.พ. 55 เวลา  18.00 น.    คอนเสิร์ตสุดหวาน AF On Stage กับ ณัฐ ศักดาทร วันที่ 12 ก.พ.55 เวลา 17.00 น. 

โซนของขวัญสำหรับคนพิเศษที่มีให้เลือกสรรมากมาย    ดอกไม้ จากร้านดอกไม้กับความรัก ,Gift shop จาก Loft  ,เค้กแสนอร่อยจาก ร้าน Sweet Toy โดย แมน ศุภกิจ  , ร้าน Macaron  ขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส  ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีโซนบอกรักด้วยข้อความโดนใจ กิจกรรม i-pen เพ้นต์ความรู้สึกพร้อมอัพโหลดขึ้นเฟชบุ๊คได้ทันที  สนุกกับ Action zone ถ่ายรูปกับข้อความโดนๆ เก๋ๆ ในฉาก Flower Wall ดอกกุหลาบแสนหวานและชวนดูแลหัวใจคนที่คุณรักด้วยโปรแกรมเช็คคลื่นหัวใจฟรีกับโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์     

มาร่วมเติมเต็มเทศกาลแห่งความรักให้อบอุ่นกับศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ได้ที่งาน  Valentine Festival 2012 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป 

ธนชาตส่งแคมเปญฝากสั้นรับดอกเบี้ยสูง 3.15% ต่อปี กับ “เงินฝากประจำพิเศษ 5 เดือน”

ธนาคารธนชาตรุกตลาดเงินฝากรายย่อยต่อเนื่องเปิดให้บริการ “เงินฝากประจำพิเศษ 5 เดือน” รับดอกเบี้ยร้อยละ 3.15 ต่อปี วงเงินฝากขั้นต่ำเพียง 1 หมื่นบาท ชูจุดเด่นฝากสั้น รับผลตอบแทนสูง แถมสะดวกเลือกรับดอกเบี้ยทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนด หรือจะรับแบบรายเดือนก็ได้ ยืดหยุ่นเหมาะสมกับสถานการณ์ดอกเบี้ย

นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารออกผลิตภัณฑ์เงินฝากใหม่ “เงินฝากประจำพิเศษ 5 เดือน” ดอกเบี้ยร้อยละ 3.15 ต่อปี ฝากขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท ไม่จำกัดวงเงินสูงสุด โดยผู้ฝากสามารถเลือกรับดอกเบี้ยทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนด หรือเลือกรับดอกเบี้ยแบบรายเดือนได้ เพียงมียอดฝากขั้นต่ำตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป โดยธนาคารจะโอนดอกเบี้ยและเงินต้นเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันที่มีชื่อเดียวกันโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าเงินฝากรายย่อยตามนโยบายของธนาคารในการเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำพิเศษที่มีระยะเวลาและอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจซึ่งให้ผลตอบแทนกับผู้ฝากอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับการแข่งขันด้านเงินฝากในปัจจุบัน 

“เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ “เงินฝากประจำพิเศษ 5 เดือน” จะตอบโจทย์ผู้ฝากเงินที่ต้องการบริหารเงินให้ได้รับผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้นเพื่อให้สอดคล้องกับในสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ฝากที่ยังคงรอดูทิศทางดอกเบี้ยของตลาด โดยที่ธนาคารได้พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ทางด้าน              เงินฝากให้มีความหลากหลายและยืดหยุ่นกับแต่ละกลุ่มลูกค้าเงินฝากทั้งประเภทกลุ่มนิติบุคคล      เอสเอ็มอี และรายย่อยอย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคาร              ธนชาตทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1770” นายประพันธ์ กล่าว